ยุคอาซูจิ–โมโมยามะ

หลังจากที่โนบุนากะเนรเทศโยชิอากิออกไปแล้ว เขาก็ได้สั่งให้สร้างปราสาท (“อาซูจิ”) อันงดงามขึ้นในพื้นที่ของแคว้นอาซูจิซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเกียวโต ทั้งยังรับเอาขุนนาง (ไดเมียว) จากแคว้นต่าง ๆ เข้ามาสวามิภักดิ์เพิ่มอีกมากมาย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าเขาต้องมาพบจุดจบเสียก่อน เพราะถูก “อาเคจิ มิตสึฮิเดะ” ขุนพลคนสนิทหักหลังโดยการยกทัพลอบเข้าโจมตีและสังหารลง ณ “วัดฮนโน-จิ” ในกรุงเกียวโตนั้นเอง

จากนั้นผู้ที่รับช่วงต่อจากโนบุนากะ และสามารถรวมชาติให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จก็คืออดีตขุนพลคนหนึ่งของเขานามว่า “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” หลังฮิเดโยชิสามารถสังหารมิตสึฮิเดะศัตรูของอดีตนายเหนือหัวลงได้ เขาก็ตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สืบทอดอำนาจอย่างเป็นทางการและสั่งให้สร้างปราสาทโอซาก้าขึ้นมา แต่ “โนบุคัตสึ” ลูกชายคนที่สองของโนบุนากะได้ลุกขึ้นต่อต้านโดยมี โทคุงาวะ อิเอยาสุ ฝ่ายพันธมิตรของโนบุนากะช่วยหนุนหลัง แล้วยกทัพไปเผชิญหน้ากันที่ชายแดนแคว้นโนบิ (เกิดเป็น “ยุทธการโคมาคิและนากาคูเตะ”) ซึ่งสงครามดังกล่าวกินเวลาเกินกว่าครึ่งปี โดยฝ่ายที่เป็นต่ออยู่คือกองทัพของอิเอยาสุกับโนบุคัตสึ แต่ในที่สุดฮิเดโยชิกับโนบุคัตสึก็ยอมสมานฉันท์กันได้ อิเอยาสุจึงถอนทัพกลับไปถือเป็นอันสิ้นสุดการรบ ต่อมาฮิเดโยชิใช้เวลาเพียงแค่ 8 ปี ก็สามารถรวมชาติเข้าด้วยกันและสร้างระบอบการปกครองที่มั่นคงได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามหลังฮิเดโยชิเสียชีวิตลง ลูกน้องคนสนิทผู้จงรักภักดีของเขาอย่าง “อิชิดะ มิตสึนาริ” และพวกพ้องซึ่งต้องการจะรักษากฎเกณฑ์ที่ฮิเดโยชิวางเอาไว้ก็ตั้งใจจะยกทัพไปปราบ โทคุงาวะ อิเอยาสุ ผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตัวตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวแล้วหวังจะตั้งตนขึ้นเป็นใหญ่เสียเอง เมื่ออิเอยาสุทราบเรื่องจึงได้ร่วมมือกับเหล่าไดเมียวฝ่ายตรงข้ามกับตระกูลอิชิดะและยกทัพออกไปหวังจะล้มมิตสึนาริด้วยเช่นกัน โดยทั้งสองทัพเผชิญหน้ากัน (เกิดเป็น “ยุทธการเซคิกาฮาระ”) ที่ทุ่งเซคิกาฮาระ (จ.กิฟุ) กองทัพของมิตสึนาริ (“ทัพตะวันตก”) มีพลทหารราว 84,000 คน ส่วนกองทัพของอิเอยาสุ (“ทัพตะวันออก”) มีพลทหารราว 74,000 คน นับได้ว่าเป็นศึกชี้ชะตาครั้งสำคัญครั้งหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์เลยทีเดียว แต่เพราะในกองทัพของมิตสึนาริมีทั้งคนทรยศและทหารหนีทัพอยู่ไม่น้อย ยังผลให้สงครามซึ่งกินเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมงจบลงโดยที่ชัยชนะตกเป็นของฝ่ายอิเอยาสุไปโดยปริยาย