(ยุคเซ็นโกคุ – สงครามกลางเมือง)

ในตอนนั้นตั้งแต่ “อาชิคางะ โยชิโนริ” โชกุนลำดับที่ 6 โดนลอบสับหาร อำนาจศูนย์กลางที่โชกุนก็ค่อย ๆ ลดทอนลง กลุ่มขุนนาง (ไดเมียว) ผู้ทรงอิทธิพลจึงเริ่มเปิดศึกแย่งชิงอำนาจกันเอง ทั้งยังชักพาให้เหล่าขุนนาง (ไดเมียว) จากบ้านนอกรวมทั้งชาวบ้านชาวนาทั้งหลายเข้าสู่วังวนแห่งสงครามไปด้วย เกิดเป็นศึกระหว่างสองฝ่าย (“สงครามโอนิน”) ซึ่งดำเนินต่อมาอีกถึง 11 ปี จนกรุงเกียวโตได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกใช้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ หลังจากนั้นขุนนาง (ไดเมียว) ของแต่ละแคว้นก็เริ่มแยกตัวเป็นอิสระตั้งเขตอำนาจการปกครองของตนเอง และทำศึกกับขุนนาง (ไดเมียว) แคว้นอื่นที่อยู่โดยรอบเพื่อขยายอาณาเขตออกไป นำไปสู่การสามารถรวมอำนาจจากแว่นแคว้นต่าง ๆ เข้าด้วยกันให้ประเทศกลับเป็นปึกแผ่นได้อีกครั้งในกาลต่อมา

โดยในหมู่ขุนศึกทั้งหลายผู้ที่เกือบจะสามารถรวมชาติได้สำเร็จแล้วก็คือ “โอดะ โนบุนากะ” นั่นเอง ซึ่งโนบุนากะแต่เดิมเป็นเพียงแค่บุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของขุนนาง (ไดเมียว) บ้านนอกผู้หนึ่งแห่งแคว้นโอวาริ (ทางด้านทิศตะวันตกของจ.ไอจิ) ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ แต่เมื่อได้รับช่วงต่อจากบิดาเขาก็ได้สังหาร “อิมางาวะ โยชิโมโตะ” แห่งแคว้นซุรุงะ (จ.ชิซุโอกะ) ก่อนจะค่อย ๆ สั่งสมอำนาจบารมีในแคว้นโอวาริด้วยหนทางต่าง ๆ เช่นการจับมือเป็นพันธมิตรกับ “โทคุงาวะ อิเอยาสุ” แห่งแคว้นมิคาวะ (ทางด้านทิศตะวันออกของจ.ไอจิ) เป็นต้น และด้วยความที่สามารถเอาชนะกองทัพของ “โอดะ โนบุคิโยะ” เจ้าของปราสาทอินุยามะในขณะนั้นได้ทั้งแคว้นโอวาริจึงตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ จากนั้นเขาก็ยกทัพไปกวาดล้าง “ตระกูลไซโต้” แห่งแคว้นมิโนะ (จ.กิฟุ) แล้วเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลของตนออกไปอย่างกว้างขวางโดยมีกิฟุเป็นศูนย์กลาง ต่อมาเขาก็เดินทางไปรับ “อาชิคางะ โยชิอากิ” ซึ่งสูญเสียอำนาจจนต้องระหกระเหินไปตามที่ต่าง ๆ กลับไปยังกรุงเกียวโต และแต่งตั้งให้โยชิอากิเป็นโชกุนพร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูรัฐบาลทหารขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าด้วยความไม่ยอมเป็นหุ่นเชิดให้โนบุนากะแล้วยังรั้นจะบริหารราชการตามแนวทางของตัวเอง ซ้ำยังไปสมคบคิดกับเหล่าขุนนาง (ไดเมียว) คนอื่น ๆ เพื่อพยายามจะโค่นล้มโนบุนากะลงเสียอีก จึงทำให้ท้ายที่สุดแล้วโยชิอากิก็ถูกเนรเทศให้ออกไปจากเมืองหลวงและเขตปริมณฑลอย่างไม่อาจหวนกลับ